อันดับแรกต้องขออนุโมทนาบุญในทุกๆบุญที่พวกเราได้ร่วมกันสั่งสมบุญสร้างบารมีกันมาตลอดนะครับ

…

วิกฤตครั้งนี้ ไม่ใช่ครั้งแรกของวัดพระธรรมกาย ที่โดนโจมตีว่าร้ายในทุกๆเรื่องแต่วัดเราโดนว่าร้ายมาตลอดหลายสิบปีแล้ว ข่าวตามทีวีหรือพวกSocial ส่วนใหญ่ชอบลงข้อมูลเชิงลบมาโดยตลอด ซึ่งก็เป็นปกติของสังคมข่าวและสังคมโซเชียล ถึงขนาดคนจำนวนมากเชื่อว่า วัดเรามีซื้อสวรรค์ และคราวนี้หลวงพ่อเราก็โดนยัดข้อหาคดีอาญาอีกแล้ว

เราชาววัดพระธรรมกายควรทำอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้

1. เราต้องแก้ไขที่ตัวเราก่อน สำรวจดูว่า ใจของเราตอนนี้ใสมั้ย ใจสบายมั้ย หลวงพ่อท่านเคยบอกไว้ว่า “วิกฤตเดียวในชีวิตจริงๆแล้ว คือ การที่ใจของเรายังไม่หยุดนิ่ง ยังเข้าไม่ถึงธรรม เรื่องอื่นไม่ถือว่าเป็นวิกฤตเลย”

หลวงพ่อท่านตอนนี้ก็ไม่ได้ทุกข์อะไร ท่านก็ฝึกใจของท่านให้หยุดนิ่งอยู่ภายในตลอดเวลา แล้วเราเป็นลูกหลวงพ่อ เราจะไม่ทำอย่างท่านหรือ?

2. เมื่อใจใสแล้ว เราต้องชี้แจงความจริง จะขอนำโอวาทส่วนนึงของหลวงพ่อ ที่ท่านได้ให้ไว้วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 59 10.20-11.00 น. ว่า

“เราต้องทำใจใสๆและสู้ด้วยใจใสๆ ไม่ใช่ทำใจใสๆแล้วไม่สู้ เราต้องสู้ด้วยใจใสๆสู้ด้วยการชี้แจงความจริง ให้ประชาชนข้างนอกรับรู้ สู้ด้วยการให้ข้อมูลที่ถูกต้อง ให้ความจริงกระจายไปเยอะๆ”

3. คนข้างนอก เขารู้แค่ว่า “หลวงพ่อของเรา หนีกฎหมาย ไม่กล้าสู้คดี”

ได้ยินมาว่า...(ต้องใช้คำว่า ได้ยินมาว่า ไม่งั้นจะโดนฟ้องหมิ่นประมาทได้ เข้าใจตรงกันนะ) 

DSI ไม่ให้ประกันตัวตั้งแต่แรกแล้ว แม้ว่าจะมีทีท่าว่าจะให้ประกันตัว 

หลวงพ่อเรามีลูกศิษย์ทุกระดับทุกวงการ ทำไมจะไม่รู้ว่า ใครอยู่เบื้องหลัง ใครที่หนุนพุทธอิสระให้เดินกร่างทั่วเมืองได้ ก็คนคนนี้แหละ ที่กำลังใช้อำนาจเล่นงานหลวงพ่ออยู่

เขาจะให้หลวงพ่อสู้คดีแบบอยู่ในคุก และถ้าไม่ให้ประกันตัว พระจะต้องถูกจับสึกในทันที แม้ขังแค่คืนเดียวเพราะกฎหมายระบุไว้(พรบ.สงฆ์มาตรา 29) 

หลวงพ่อของเรายินดีพิสูจน์ตัวเองตามกฎหมาย แต่ไม่ใช่ ถูกจับถอดจีวร ท่านยอมตายในผ้าเหลือง ถ้าเจ้าอาวาสวัดพระธรรมกายถูกรังแกได้ พระวัดอื่นก็ไม่เหลือ

4. เขาพยายามจะทำให้คนในสังคมเข้าใจว่า วัดพระธรรมกาย เป็นภัยต่อพระพุทธศาสนาด้วยการทำให้คนเชื่อว่า วัดเราสอนผิดสอนเพี้ยน ตามเพจแอนตี้ธรรมกายชอบเอาข้อมูลคำสอนที่ไม่ได้มาจากวัดเราจริงๆมาลง

เช่น ซื้อสวรรค์ ขายค้อนสวรรค์ ปัดระเบิดไปญี่ปุ่น สอนให้โลภ(รวยกับโลภไม่เหมือนกัน รวยด้วยพุทธวิธีก็มี คือ ขยันหมั่นเพียร ประกอบสัมมาอาชีพ ทำบุญ ทำทาน รักษาศีล จะทำให้ดึงดูดโชคลาภ โภคทรัพย์ แล้วนำทรัพย์มาใช้เลี้ยงดูบิดามารดา บำรุงผู้มีพระคุณและขยายงานพระศาสนา)

คนนอกวัดเขาจะยังแยกแยะไม่ออกว่า คำสอนไหนมาจากวัดพระธรรมกาย คำสอนไหนไม่ได้มาจากวัดพระธรรมกาย เพราะเขาคิดแค่ว่า “ถ้าไม่จริง เพจต่างๆคงไม่กล้าเอามาลงอย่างเปิดเผยในเฟสบุ๊ค”

และตามเพจแอนตี้ธรรมกาย ซึ่งมีหลายเพจเป็นคนศาสนาอื่น แต่มา ตั้งเพจแอนตี้ธรรมกาย หวังจะทำให้คนเสื่อมศรัทธาในศาสนาพุทธ

5. เรื่องเงินๆทองๆเป็นอะไรที่ไม่เข้าใครออกใคร ขนาดเพื่อนกันยังไว้ใจกันไม่ได้เลย ข้อหาเกี่ยวกับเงินทองเอาไปยัดใครก็เสียทั้งนั้น เป็นข้อหาที่คลาสสิกที่สุดแล้ว

กว่าพวกเรากันเอง จะเข้ามาพิสูจน์วัดพระธรรมกายจนตัดสินใจกล้าเอาเงินมาทำบุญที่วัดพระธรรมกาย บางคนใช้เวลาพิสูจน์จับผิดอยู่หลายปีเลย เราจึงต้องค่อยๆชี้แจงให้คนอื่นๆเข้าใจ

ปล. ผมนี่ตัวแอนตี้ธรรมกายมาก่อน เข้าวัดมาใหม่ๆ หวังจะมาจับผิดวัดในทุกๆเรื่อง คนอย่างผมยังสามารถเปลี่ยนได้ จึงขอให้ทุกคนอย่าพึ่งหมดหวังในการชี้แจงความจริง ร่วมสู้ศึกพิทักษ์หลวงพ่อด้วยชีวิต ด้วยปัญญาไปด้วยกันนะครับ

สุดท้ายนี้ อยากจะบอกว่า ผมปลื้มใจทุกครั้งที่ได้เห็นพี่ๆน้องๆนักสร้างบารมีในทุกๆงานบุญทุกวันอาทิตย์ ที่พวกเรามาร่วมกัน เข้าวัดปฏิบัติธรรม ทำให้ผมมีความหวังว่า พระพุทธศาสนาจะสามารถกลับมารุ่งเรือง เหมือนสมัยพุทธกาลได้อีกครั้งอย่างแน่นอน