ในที่สุด...สื่อต่างๆก็ประกาศขอขมาวัดพระธรรมกาย

วัดพระธรรมกายเป็นวัดใหญ่คนเยอะย่อมเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของคนในสังคมเป็นธรรมดา แต่ข่าวก็คือข่าว


   
     การขอขมาของสื่อต่างๆแม้จะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม...แต่สังคมก็ยังเข้าใจแบบนี้อยู่ และ ทำให้มองเห็นว่า ไม่มีอะไรใหม่ สื่อปัจจุบันก็เอาของเก่ามาทำใหม่ 
     เล่นข่าววัดพระธรรมกายในแบบ ที่คน เขาลังเลสงสัยในวัดพระธรรมกาย เพื่อ "สร้างให้กระแสติดอะไรที่มัน ติดกระแส คนก็เสพก็ขายได้ทั้งนั้น"


ประกาศขอขมาจาก หนังสือพิมพ์สยามรัฐ

        โดยมีเนื้อความประกาศ ดังนี้ ตามที่หนังสือพิมพ์สายมรัฐได้ลงข่าวเกี่ยวกับวัดพระธรรมกายและพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) กรณีเรื่องการถือครองที่ดินที่ได้รับบริจาค เรื่องราวนิคหกรรม เรื่องราวคำสอนว่าบิดเบือนลบล้างคำสอนของพระพุทธเจ้า การอวดอุตริมนุสธรรม ทำความผิดฐานลักทรัพย์ ยักยอกทรัพย์ ฉ้อโกง หลอกลวงประชาชน กระทำการในตำแหน่งเจ้าอาวาสเป็นเจ้าพนักงานที่ไม่เหมาะสม ต้องอาบัติปาราชิก เรียกวัดพระธรรมกายว่าวัดฉาว นำเงินบริจาคไปดำเนินการนอกวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค หลอกขายพระดูดทรัพย์ หลอกขายบุญ เป็นวัดที่มีอิทธิพลเหนือองค์กรและเจ้าพนักงานของรัฐ เรียกพระราชภาวนาวิสุทธิ์ว่าเป็นอลัชชี เดียรถีย์ พระปลอมจอมมาร นายไชยบูลย์ พระฉาว ศาสดาลูกแก้ว พระนอกรีด ภิกษุมหาโจร เจ้าอาวาสวัดฉาว มีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับหญิงสาว โดยลงข้อความและข่าวในช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ.2542 ถึงเดือนมกราคม พ.ศ.2543 โดยการดังกล่าวไม่เป็นความจริงและเป็นความเห็นของหนังสือพิมพ์สยามรัฐเอง เป็นเหตุให้วัดพระธรรมกาย และพระราชภาวนาวิสุทธิ์ได้ยื่นฟ้องคดีต่อศาลอาญาขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 84, 91, 326, 328, และ332


        บริษัท สยามรัฐ จำกัด ในฐานะเจ้าของหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ขอกราบขอขมาต่อวัดพระธรรมกาย และพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ต่อการกระทำดังกล่าว และยอมรับว่าข้อความที่ลงตีพิมพ์ไม่ตรงกับความจริง ทำให้ประชาชนทั่วไป ที่ไม่ทราบความจริงอาจเข้าใจผิดได้ ข้อความที่ลงตีพิมพ์ในช่วงเดือน สิงหาคม พ.ศ.2542 ถึงเดือนมกราคม พงศ.2543 เป็นข้อความที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง



        และหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ขอกราบขอบพระคุณวัดพระธรรมกายและพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ที่อภัยทานให้มา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน


ประกาศขอขมาจาก หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
วันอาทิตย์ที่ 16 กันยายน พ.ศ.2544

        โดยมีเนื้อความประกาศ ดังนี้ ตามที่หนังสือพิมพ์สยามรัฐได้ลงข่าวเกี่ยวกับกรณีของพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโยและนายถาวร พรหมถาวร กรณีที่ถูกฟ้องเป็นคดีอาญาที่ศาลอาญา ระหว่าง พนักงานอัยการ โจทก์ พระราชภาวนาวิสุทธิ์ กับพวกรวม คน จำเลย โดยได้ลงข่าว เมื่อวันที่ มีนาคม พ.ศ.2543 แสดงเหตุการณ์ในระหว่างการพิจารณาคดีของศาลอาญา เป็นเหตุให้พระราชภาวนาวิสุทธิ์ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาล ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 32(2) และมาตรา 33 นั้น


     หนังสือพิมพ์สยามรัฐ ขอกราบขออภัยต่อพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ต่อการกระทำดังกล่าว และยอมรับว่าข้อความที่ลงตีพิมพ์มีข้อความส่วนไม่ตรงกับความเป็นจริง ทำให้ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้ฟังการพิจารณาของศาลอาจเข้าใจผิดได้ หนังสือพิมพ์สยามรัฐจึงขออภัยมายัง ณ ที่นี้ และขอประกาศว่าข้อความที่ลงพิมพ์ในวันที่ มีนาคม พ.ศ.2543 เป็นข้อความที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง



     และหนังสือพิมพ์สยามรัฐ ขอกราบขอบพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ที่อภัยทาน ให้มา ณ ที่นี่ จึงประกาศให้ทราบทั่วกัน


ประกาศขอขมาจาก หนังสือพิมพ์สยามรัฐ
ปีที่ 52 ฉบับที่ 17691 วันพุธที่ ตุลาคม พ.ศ.2544 หน้า 13

     
      โดยมีเนื้อความประกาศ ดังนี้ ตามที่นิตยสารสยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ ฉบับปีที่ 46 ฉบับที่ 13 ประจำวันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม ถึงวันเสาร์ที่ กันยายน พ.ศ.2542 ในภาพหน้าปกได้นำภาพใบหน้าของพระราชภาวนาวิสุทธิ์ มาตัดต่อกับภาพบุรุษเปลือยกายนั่งขัดสมาธิ(Meditation)บนตะปู อยู่ในอาการของการทรมานตน และมีข้อความว่า "ทณฑํ สรณํ คจฉามิ" เพื่อให้ผู้พบเห็นเชื่อว่าเป็นภาพพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ซึ่งไม่เป็นความจริง พระราชภาวนาวิสุทธิ์ไม่เคยถ่ายภาพหรือกระทำลักษณะอาการดังกล่าว เป็นเหตุให้พระราชภาวนาวิสุทธิ์ได้รับความเสียหาย

    บริษัท สยามรัฐ จำกัด ในฐานะเจ้าของนิตยสารสยามรัฐ สัปดาห์วิจารณ์ และนายศักดา นพเกตุ ขอกราบขอขมาต่อพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ในการกระทำดังกล่าว และขอกราบขอบพระคุณพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ที่อภัยทานให้มา ณ ที่นี้ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน

     และในบทนำของนิตยสารฉบับดังกล่าวในคอลัมน์ เปิดขบวนที่เขียนโดยนายศักดา นพเกตุ ได้ตีพิมพ์ข้อความจาบจ้วงล่วงเกินพระราชภาวนาวิสุทธิ์ว่า "ชาวธรรมกายและเหล่าพระปลอมจอมมาร คงลิงโลดลำพองหัวใจเป็นอย่างยิ่งที่พระปลอมจอมมารได้รับประกันตัว" ซึ่งความจริงแล้วพระราชภาวนาวิสุทธิ์เป็นพระที่แท้จริง ปฏิบัติตนอยู่ในพระธรรมวินัย ด้วยดี และได้ทำคุณประโยชน์ให้แก่พระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก


ประกาศขอขมาจาก หนังสือพิมพ์มติชน
ปีที่ 25 ฉบับที่ 8888 วันพุธที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ.2545


        โดยมีเนื้อความประกาศ ดังนี้ ตามที่หนังสือพิมพ์มติชนฉบับวันที่ 23 กันยายน พ.ศ.2542 ได้ลงข่าวว่า ผู้ใหญ่บ้านหมู่ ตำบลเกาะยาวน้อย อำเภอเกาะยาวน้อย จังหวัดพังงา ได้รู้เห็นเป็นใจกับวัดธรรมกายในการกว้านซื้อที่ดินในเขตป่าสงวนจำนวน 700 ไร่ ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติควนจุก มีการออกเอกสารสิทธิ น.ส.3ก. อย่างไม่โปร่งใสให้แก่วัดธรรมกาย ข่มขู่ให้ชาวบ้านขายที่ดินแก่วัดธรรมกายเพื่อสร้างรีสอร์ทใกล้มัสยิด ขุดดินปะการังโดยใช้แมคโครนำมาตกแต่งรีสอร์ท ทำเขื่อนกั้นน้ำทะเลและขุดสระกักเก็บน้ำ ทำให้ชาวบ้านขาดแคลนน้ำนั้น ข้อความดังกล่าวไม่เป็นความจริง เป็นการเข้าใจผิดของนายโชติ ทองย้อย ที่ให้ข่าวผิดพลาดกับหนังสือพิมพ์ดังกล่าว

        บัดนี้ทั้งสองฝ่ายได้ทำความเข้าใจกันได้ หนังสือพิมพ์มติชนขอแก้ข่าวให้ประชาชนทั่วไปทราบว่า ผู้ใหญ่บ้านหมู่ และวัดธรรมกาย ไม่ได้กระทำการดังกล่าวแต่อย่างใด

ประกาศขอขมาจาก หนังสือพิมพ์มติชน
ปีที่ 26 ฉบับที่ 9262 วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ.2546


        โดยมีเนื้อความประกาศ ดังนี้ ตามที่หนังสือพิมพ์มติชนได้ตีพิมพ์ข้อความเกี่ยวกับวัพระธรรมกายฯ และพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) กรณีเรื่องราวใช้ถ้อยคำล่วงเกินโดยเรียกวัดพระธรรมกายว่า วัดฉาว สำนักฉาว เรียกพระราชภาวนาวิสุทธิ์ว่า นายไชยบูลย์ เจ้าสำนักฉาว กล่าวหาว่าเล่นหุ้น โอนเงินของวัดให้สีกา โดยตีพิมพ์ข้อความในช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ.2542 ถึงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2542 ทั้งๆที่โจทย์ยังอยู่ในสมณศักดิ์

        หนังสือพิมพ์มติชน และนายสุชาติ ศรีสุวรรณ ในฐานะบรรณาธิการ ขอยอมรับว่าข้อความที่ตีพิมพ์คลาดเคลื่อน ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดวัดพระธรรมกาย และพระราชภาวนาวิสุทธิ์ จนได้รับความเสียหาย จึงขออภัยต่อวัดพระธรรมกาย พระราชภาวนาวิสุทธิ์ และขอขอบพระคุณที่อภัยทานมา ณ โอกาสนี้

ประกาศขอขมาจาก หนังสือพิมพ์มติชน
ปีที่ 26 ฉบับที่ 9263 วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ.2546


        โดยมีเนื้อความประกาศ ดังนี้ ตามที่หนังสือพิมพ์มติชนได้ตีพิมพ์ข้อความเกี่ยวกับวัพระธรรมกายฯ และพระราชภาวนาวิสุทธิ์ (หลวงพ่อธัมมชโย) กรณีเรื่องราวใช้ถ้อยคำล่วงเกินโดยเรียกวัดพระธรรมกายว่า วัดฉาว สำนักฉาว เรียกพระราชภาวนาวิสุทธิ์ว่า นายไชยบูลย์ เจ้าสำนักฉาว กล่าวหาว่าเล่นหุ้น โอนเงินของวัดให้สีกา โดยตีพิมพ์ข้อความในช่วงเดือนสิงหาคม พ.ศ.2542 ถึงเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.2542 ทั้งๆที่โจทย์ยังอยู่ในสมณศักดิ์

       หนังสือพิมพ์มติชน และนายสุชาติ ศรีสุวรรณ ในฐานะบรรณาธิการ ขอยอมรับว่าข้อความที่ตีพิมพ์คลาดเคลื่อน ทำให้ประชาชนเข้าใจผิดวัดพระธรรมกาย และพระราชภาวนาวิสุทธิ์ จนได้รับความเสียหาย จึงขออภัยต่อวัดพระธรรมกาย พระราชภาวนาวิสุทธิ์ และขอขอบพระคุณที่อภัยทานมา ณ โอกาสนี้



ประกาศขอขมาจาก หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ปีที่ 14 ฉบับที่ 4655 วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2544

    
        โดยมีเนื้อความประกาศ ดังนี้ ตามที่รายการสาระขันได้ทำการแพร่ภาพ เกี่ยวกับพระราชภาวนาวิสุทธิ์และวัดพระธรรมกาย เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ.2542, 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2542 และวันที่ ธันวาคม พ.ศ.2542 อันภาพที่ปรากฏต่อสาธารณชนใน วันดังกล่าว ทำให้พระราชภาวนาวิสุทธิ์ และวัดพระธรรมกายได้รับความเสียหาย

        ซึ่งรายการดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ทางคณะผู้บริหาร บริษัทเนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด และนายกฤษณะ ไชยรัตน์ ผู้จัดทำรายการ รู้สึกเสียใจและขออภัยต่อวัดพระธรรมกาย และพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ในสิ่งที่เกิดขึ้น และขอขอบพระคุณวัดพระธรรมกายและพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ที่ไม่ได้ติดใจดำเนินคดีใดๆ กับบริษัทเนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด คณะผู้บริหารบริษัท นายกฤษณะ ไชยรัตน์ ทั้งทางอาญาและทางแพ่งอีกต่อไป

ประกาศขอขมาจาก หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ปีที่ 14 วันอาทิตย์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ.2544 หน้า 11
        
        โดยมีเนื้อความประกาศ ดังนี้ ตามที่รายการสาระขันได้ทำการแพร่ภาพ เกี่ยวกับพระราชภาวนาวิสุทธิ์และวัดพระธรรมกาย เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ.2542, 1 พฤศจิกายน พ.ศ.2542 และวันที่ ธันวาคม พ.ศ.2542 อันภาพที่ปรากฏต่อสาธารณชนใน วันดังกล่าว ทำให้พระราชภาวนาวิสุทธิ์ และวัดพระธรรมกายได้รับความเสียหาย



        ซึ่งรายการดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่เหมาะสม ทางคณะผู้บริหาร บริษัทเนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด และนายกฤษณะ ไชยรัตน์ ผู้จัดทำรายการ รู้สึกเสียใจและขออภัยต่อวัดพระธรรมกาย และพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ในสิ่งที่เกิดขึ้น และขอขอบพระคุณวัดพระธรรมกายและพระราชภาวนาวิสุทธิ์ ที่ไม่ได้ติดใจดำเนินคดีใดๆ กับบริษัทเนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด คณะผู้บริหารบริษัท นายกฤษณะ ไชยรัตน์ ทั้งทางอาญาและทางแพ่งอีกต่อไป


    แม้ผ่านมาหลายปี...แต่สังคมก็ยังเข้าใจแบบนี้อยู่ และ ทำให้มองเห็นว่า ไม่มีอะไรใหม่ สื่อปัจจุบันก็เอาของเก่ามาทำใหม่ 
     เล่นข่าววัดพระธรรมกายในแบบ ที่คน เขาลังเลสงสัยในวัดพระธรรมกาย เพื่อ "สร้างให้กระแสติดอะไรที่มัน ติดกระแส คนก็เสพก็ขายได้ทั้งนั้น"
  


    




ติดตามข้อมูลดีๆได้ที่ : https://web.facebook.com/protectpapa/?fref=ts





13 ความคิดเห็น:

  1. สาธุ ดีที่รู้จักขอขมา ถ้าไม่ขอขมานี้ บาปติดตามตัวไปทุกภพชาติ รับไม่ไหวกันละนิ

    ตอบลบ
  2. ของเก่าขมาแล้ว แต่ของใหม่ก็ทำเรื่อยๆ มันจะหมดไหมเนี่ย

    ตอบลบ
  3. ความจริงในอดีต ย่อมเป็นความจริง ไม่มีใครเปลี่ยนแปลงความจริงไปได้

    ตอบลบ
  4. ปีนี้ พศ.ไหน คดีอะไรใหม่ ของเก่าคนละเรื่อง

    ตอบลบ
  5. ปีไหน??? ดูบ้างก็ดี นะ!!! ปีใหม่ๆ เจอเเต่อย่างที่เขารู้กันโดวทำเป็นอ้าง

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. แม้เป็นปีเก่าแล้ว แต่ปีใหม่ก็ยังคงถูกสื่อเล่นงานอยู่อีก ขายความไม่จริงต่อไป เพื่อหารายได้

      ลบ
  6. ของเก่า...เอามาเล่าใหม่... เพื่อ ???

    2 วันที่แล้ว กินมาม่า

    เมื่อวานกินก๋วยเตี๋ยว

    วันนี้กินข้าว...จะบอกว่า...

    วันนี้กินก๋วยเตี๋ยวได้ไหม...อิอิ

    ตอบลบ
  7. นักข่าวเชื่อถือไม่ได้ ฟังหูไว้หู เขาทำทุกอย่างเพื่อให้ทุกคนสนใจขายข่าวได้เรทติ้งเยอะๆจะได้มีคนมีลงชื้อเวลาโฆษณา โดยไม่คิดถึงผลกระทบกับใครเลย ตั้งตนเป็นศาลเตี้ยวิจารณ์ตัดสินไปทั่ว

    ตอบลบ
  8. นักข่าวเชื่อถือไม่ได้ ฟังหูไว้หู เขาทำทุกอย่างเพื่อให้ทุกคนสนใจขายข่าวได้เรทติ้งเยอะๆจะได้มีคนมีลงชื้อเวลาโฆษณา โดยไม่คิดถึงผลกระทบกับใครเลย ตั้งตนเป็นศาลเตี้ยวิจารณ์ตัดสินไปทั่ว

    ตอบลบ
  9. แม้ว่าเป็นของเก่าเอามาเล่าใหม่ เพราะว่าคนในสังคมไทย ไม่เคยรับทราบเลยว่า สื่อได้ขอขมาแล้ว ลงข่าวไม่จริง ตีความไปเอง และคนที่เชื่อข่าวนั้นก็ยังถูกฝังความคิดตามสื่อไปแล้ว และยังมาด่าว่าวัดตลอดยังไม่หยุดจนถึงวันนี้
    และแม้ว่าผ่านไปนานเท่าไร แม้สื่อขอขมาแล้ว คนทั้งหมดยังไม่รับรู้ สมัยนั้นโลกโซเชี่ยลยังไม่เกิดขึ้น

    ตอบลบ
  10. อาจจะเป็นเพราะว่าหลวงพ่อเมตตาสื่อมากไปทำให้สื่อคิดว่าไม่เป็นไรหลวงพ่อยังไงก็ไม่ถือสาหาความอยู่แล้วจึงเหิมเกริม

    ตอบลบ
  11. อาจจะเป็นเพราะว่าหลวงพ่อเมตตาสื่อมากไปทำให้สื่อคิดว่าไม่เป็นไรหลวงพ่อยังไงก็ไม่ถือสาหาความอยู่แล้วจึงเหิมเกริม

    ตอบลบ
  12. ความจริงเปนสิ่งที่ไม่ตาย และเปนนิรันดร์เสมอ
    ทองเพชรแท้ย่อมพิสูจน์ได้ฉันใด ความดีของพระธัมมชัยโยแห่งวัดธรรมกาย ย่อมจะพิสูจน์ได้ฉันนั้น

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น...