สัมภาษณ์รองอธิบดีอัยการสำนักงานคดีอาญา
ปรเมศฐ์ อินทรชุมนุม


     เห็นท่านรัฐมนตรีแถลงว่า จะสรุปสำนวนก่อน จริงๆแล้วสรุปสำนวนมา คือต้องบอกก่อนนะว่าการสอบสวนยังไม่เสร็จ เสร็จก็ต่อเมื่อรู้ตัว ผู้ต้องหา ออกหมายจับผู้ต้องหา เมื่อรู้ตัวผู้ต้องหาก็ต้องสอบสวน   ผู้ต้องหาก่อน เมื่อสอบสวนผู้ต้องหาเสร็จแล้วก็ส่งให้พนักงานอัยการ  กรณีนี้ยังไม่ได้สอบสวนผู้ต้องหาก็ถือว่าการสอบสวนยังไม่เสร็จ แต่ถ้าเค้าจะส่งมาอัยการเห็นว่าคดีมีมูลก็ให้ไปจัดการให้ได้ตัว ไม่ใช่เห็นควรสั่งฟ้องนะ พนักงานอัยการการเห็นควรสั่งฟ้องคืออะไร แปลว่าคดีน่าจะมีมูล การดำเนินคดีต้องเป็นอย่างนี้ครับ ต้องฟังความทั้ง 2 ฝ่าย เพราะฉะนั้นถ้าเราย้อนกลับไปDSIไม่ควรจะไปออกหมายจับอะไรตั้งแต่แรกแล้ว เพราะว่าหลักการสอบสวนตาม วิ.อาญา มาตรา130 จะสอบสวนที่ไหนยังเมื่อไร ไม่จำเป็นต้องมีผู้ต้องหา เขาก็ทำได้หมดอยู่แล้ว การแจ้งข้อกล่าวหาก็เป็นส่วนหนึ่งของการสอบสวน เพราะฉะนั้นDSIเคยเข้าไปในวัดพระธรรมกาย เคยเข้าไปพูดไปคุย เที่ยวนี้ก็เข้าไปได้ เข้าไปแล้วแจ้งข้อกล่าวหา ท่านจะให้การมั้ย ถ้ายังไม่ให้การ ก็ทราบข้อกล่าวหา หรือจะให้การเป็นลายลักษณ์อักษรเมื่อไหร่ก็ว่ามา กำหนดการมันก็จะได้เดิน ทีนี้เราก็ไปปนกันอีกว่าจะต้องจับไหม ในภาษากฎหมายมันมี2คำ คือต้องแจ้งให้ผู้ถูกจับทราบว่าเขาต้องถูกจับและมันก็จะเขียนต่อมาถ้าขัดขืนต้องถูกจับตัวไป ไอ้คำว่าจับคำแรก ไม่ได้หมายความว่าจับตัว จับคำแรกหมายถึงว่าอยู่ในความควบคุมของรัฐ ผมยกตัวอย่างนิดเดียว อดีตนายกรัฐมนตรีที่โดนดำเนินการเรื่องข้าว ณ เวลานี้ถือว่าเป็นผู้ถูกจับอยู่ก็เคลื่อนไหวในขอบเขตที่จำกัด ไปต่างประเทศไม่ได้ อะไรไม่ได้ นั่นน่ะเค้าแรกว่าการจับตัว คือการถูกควบคุมตัวด้วยอำนาจรัฐ ปกติเราจะไปไหนก็ได้ การใส่ห้องขัง จำคุกนั่นคือการควบคุมตัว ภาษามันเป็น 2 ภาษาไอ้นั่นมันคือควบคุมตัวเมื่อควบคุมตัวแล้วเนี่ยถ้าจะให้ประกันก็ให้ประกันไป คำถามของผมมันอยู่ตรงว่า 1.ให้แจ้งข้อกล่าวหา แล้วคิดว่า ท่านพระธัมมชโยท่านจะหนีไหม ถ้าจะหนีก็ควบคุม ถ้าไม่ควบคุมก็ได้ กฎหมายไม่ได้บังคับบอกว่าผู้ต้องหาปรากฏตัวแล้ว ถามชื่อ ที่อยู่ อายุ แจ้งข้อ  กล่าวหา พร้อมถามคำให้การ จะควบคุมตัวหรือไม่ก็ได้ เพราะฉะนั้นเราเห็นว่าการควบคุมไม่จำเป็นต้องควบคุมที่เรือนจำนี่ครับ บางทีไปควบคุมในค่ายทหารก็มี กฎหมายเค้าเปิดโอกาสให้ไปควบคุมที่ไหนก็แล้วแต่จะร้องขอ ผมว่าเราทำให้มันยุ่งยากเกินไป ติดต่อ               วัดพระธรรมกาย บอกท่านธัมมชโยบอกทนายความ ผมจะแจ้งข้อกล่าวหา คุณจะให้การเมื่อไรก็ว่ามา พร้อมให้การเมื่อไรก็ว่ามา กระบวนการก็จะเดินไปได้ วันนี้ผมเห็นว่าไอ้การดำเนินคดีนี้ ไม่ว่าจะฝ่ายDSIก็ดี ฝ่ายพระธรรมกายก็ดี ทนายของพระธัมมชโยก็ดี มันกำลังพลิกเบี่ยงเบนกฎหมายแล้ว เราจะไปเลือกว่าคนนี้ต้องเป็นอย่างนี้ คนนั้นต้องเป็นอย่างนี้  เมื่อกี้ผมฟังท่านรองนายกบอก คดีเล็กๆธรรมดาก็ดำเนินการไปตามกฎหมาย ดำเนินการตามกฎหมายก็แจ้งข้อกล่าวหาท่านจะให้การเมื่อไรก็มา พอได้ตรงนั้นเสร็จDSIเค้าก็สรุปสำนวนส่งให้อัยการควรสั่งฟ้องก็ไปเชิญมาศาล ถ้าไม่มาก็ออกหมายจับ



คำถามเมื่อกี้คือว่า
ถ้าDSIเดินทางเข้าไปศิษย์ไม่มีสิทธิ์ห้ามไม่ให้เข้าไปพบพระธัมมชโย ไม่มีหรอกครับ เขาก็ทำตามกฎหมาย อันนั้นแหละจะเป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย และต้องเรียนอย่างนี้น๊ะ ถ้าแพทย์ไม่ให้พบเนื่องจากเหตุผลทางสุขภาพ กลัวการติดเชื้อ ทำได้ไหมครับ ก็เอาหมอมาบอกตรงนั้นซิ แต่ DSI ต้องเข้าไปดู แต่ถ้า DSI เข้าไปพบ แล้วเข้าไปไม่ได้จริงๆ หมอห้ามจริงๆ  ก็ค่อยไปว่ากันตรงนั้น  ไม่ใช่มาว่ากันตรงหน้ากระดาษ หน้าหนังสือ สื่อถ่ายทอดทีวี ไปซ้ะให้เห็นก่อน มันจะได้เป็นเรื่องเป็นราวชัดเจนว่า เข้าไม่ได้เพราะติดเชื้อ คนที่เข้าไป ต้องทำอย่างไร
การแจ้งข้อกล่าวหาอาจจะแจ้งด้วยวาจาก็ได้ แจ้งด้วยกระดาษก็ได้ จะผ่านใครก็ได้  เพราะการแจ้งข้อกล่าวหาจะต้องมีทนายอยู่ ต้องมีผู้ที่เขาไว้วางใจได้อยู่ นั่งรวมอยู่ด้วย ไม่ใช่แอบแจ้งกัน 2 คนนิ และ   วัดพระธรรมกายเองก็ไม่ใช่กรุงวาติกันนิที่ใครก็จะเข้าไม่ได้ ....วาติกันยังเปิดให้เที่ยวเลยครับ

หมอครับ ศิษยานุศิษย์ยังห่วงอยู่อย่างหนึ่ง มันไม่ใช่แค่เรื่องการจับกุมตัว เรื่องการพ้นจากเพศบรรพชิต มันมีหลักกฎหมายอะไรตรงนี้ไหมครับ
ที่ศาลเราก็มีพระเป็นผู้ต้องหาในคดีอาญาก็เยอะ เป็นพระอยู่นะ แต่ที่เขาปาราชิก ที่เขาจับสึกน่ะครับ เวลาตำรวจจับแล้วจับสึก ต้องดูนะครับว่า มันพบอยู่ขณะที่ทำผิดอย่างชัดแจ้ง  เช่นไปถึงแล้ว เมา หรือกำลังข่มขืนกระทำชำเรา ถลกจีวรนุ่งอยู่ อันนั้นเขาจับสึกแน่นอน แต่อย่างนี้ท่านธัมมชโย จะไปจับท่านสึกได้อย่างไรเล่า ต้องจนกว่ากระบวนการมันจะพิสูจน์ ชัด มันไม่เหมือน กรณีที่เกิดความผิดชัดแจ้ง อันนั้นเขาทำได้ แต่ถ้าไม่ใช่ความผิดชัดแจ้งมันทำไมได้หรอกครับ
การไปแจ้งข้อกล่าวหาที่วัด ก็ไม่มีปัญหาเรื่องนี้อยู่แล้วนะครับเรื่องสึกเรื่องอะไรก็ไม่มี การจะเดินทางมารับทราบก็กล่าวหาก้ไม่มี
ทำไม DSI ไม่ไปทำความเข้าใจกับศิษยานุศิษย์เขาละ ว่าผมขอแจ้งข้อกล่าวหานะ ท่านจะให้การเมื่อไหร่ก็ว่ามา เป็นกระดาษ เป็นรายลักษณ์อักษร ก็ว่ามา ไม่ควบคุมตัวหรอก ก็ปล่อยให้นอนอยู่ที่วัดนั่นแหละ จำวัดอยู่อย่างนั้นแหละก็จบ  เสร็จคดีเมื่อไหร่ก็ค่อยว่ากัน แทนที่จะรีบ ส่งสำนวนมันผิดแล้วล่ะ คือ สอบสวนให้เสร็จก่อน การสอบสวน ต้องสอบสวนทุกฝ่าย       ให้ครบ ยกเว้น ท่านธัมมชโยหนีออกนอกประเทศ ท่านจะส่งสำนวนให้ผมได้  การที่พระธัมมชโยมีหมายจับ รู้ตัวอยู่ว่ามี แล้วไม่ไปจับ คุณอาจผิดกฎหมายเองก็ได้

สุดท้ายถ้าเกิดยังยื้อกันอยู่แบบนี้ ผลกระทบจะตกไปอยู่ฝั่งไหนมากกว่ากันครับ
ผลกระทบคือ กระบวนการยุติธรรมเสียหายหมด ต่อไปจะกลายเป็นมาตรฐานนะ ผมไม่ไปก็ได้ ผมเป็นคนดังผมไม่ออกจากบ้านได้ไหม๊  ที่คนดังคนอื่นยังบุกเข้าไปค้นถึงในบ้านได้เลย ไม่เห็นเป็นไรเลย อย่างอดีตนายกรัฐมนตรียังบุกเข้าไปจับได้เลย แต่นี่เป็นพระธรรมดารูปนึง คิดอย่างนั้นซิ อย่าไปคิดว่า เป็นใครที่ไหน ความยุติธรรมต้องเสมอภาคกัน  

เมื่อรู้ตัวผู้ต้องหาก็ต้องสอบสวนผู้ต้องหาก่อน เมื่อสอบสวนผู้ต้องหาเสร็จแล้วก็ส่งให้พนักงานอัยการ  กรณีนี้ยังไม่ได้สอบสวนผู้ต้องหาก็ถือว่าการสอบสวนยังไม่เสร็จ แทนที่จะรีบ ส่งสำนวนมันผิดแล้วล่ะ คือ สอบสวนให้เสร็จก่อน การสอบสวน ต้องสอบสวนทุกฝ่าย ให้ครบ 
                           


สรุป เมื่อรู้ตัวผู้ต้องหาก็ต้องสอบสวนผู้ต้องหาก่อน เมื่อสอบสวนผู้ต้องหาเสร็จแล้วก็ส่งให้พนักงานอัยการ กรณีนี้ยังไม่ได้สอบสวน         ผู้ต้องหาก็ถือว่าการสอบสวนยังไม่เสร็จ แทนที่จะรีบส่งสำนวน มันผิดแล้วล่ะ คือสอบสวนให้เสร็จก่อน การสอบสวนต้องสอบสวนทุกฝ่าย ให้ครบ


คลิปรายการ

ติดตามพวกเราได้ที่ Facebook พิทักษ์หลวงพ่อด้วยชีวิต

11 ความคิดเห็น:

  1. คณะศิษย์เชิญ dsi ตั้งหลายรอบว่าขอให้ไปแจ้งข้อกล่าวหาที่วัดตั้งแต่ตอนเป็นหมายเรียก เพราะหลวงพ่ออาพาธเดินทางไม่ไหวเสี่ยงต่อการติดเชื้อ แต่ dsi ไม่ทำค่ะรีบขออกหมายจับ และต้องการจะจับเร็วๆซะงั้น ... ไหนจะเตรียมสนธิกำลังพลพร้อมอาวุธครบมือ 2,000 กว่านาย เตรียมฮอล์ เครียมรถถังหุ้มเกราะ บุกจับพระ ชรา อาพาธรูปเดียว ... มันเกินกว่าเหตุไปไหมคะ? จนนายกต้องปรามไว้.

    ตอบลบ
  2. คณะศิษย์เชิญ dsi ตั้งหลายรอบว่าขอให้ไปแจ้งข้อกล่าวหาที่วัดตั้งแต่ตอนเป็นหมายเรียก เพราะหลวงพ่ออาพาธเดินทางไม่ไหวเสี่ยงต่อการติดเชื้อ แต่ dsi ไม่ทำค่ะรีบขออกหมายจับ และต้องการจะจับเร็วๆซะงั้น ... ไหนจะเตรียมสนธิกำลังพลพร้อมอาวุธครบมือ 2,000 กว่านาย เตรียมฮอล์ เครียมรถถังหุ้มเกราะ บุกจับพระ ชรา อาพาธรูปเดียว ... มันเกินกว่าเหตุไปไหมคะ? จนนายกต้องปรามไว้.

    ตอบลบ
  3. คดีนี้..มีเงื่อนงำ...แค่dsiไปแจ้งข้อกล่าวหาที่วัดก็จบแล้ว

    ตอบลบ
  4. ชัดเจนค่ะ ขอบคุณค่ะ

    ตอบลบ
  5. พร้อมทำตามกฎหมายค่ะ ถ้าเจ้าพนักงานให้ความเป็นกลาง

    ตอบลบ
  6. ตั้งท่าจะจับอย่างเดียวเลย ไม่รู้ไปรับธงใครมา การตั้งข้อกล่าวหาผิดแต่แรก นี้มันขบวนการล้มพระพุทธศาสนาชัดๆ มีที่ไหนกล่าวหาพระรับของโจร แล้วต่อไปพระทั้งประเทศจะอยู่กันอย่างไร ?

    ตอบลบ
  7. ถ้าหลวงพ่อออกไปรับทราบขอกล่าวหาต่อไปพระทั่งประก็ต้องออกไปรับเช่นกันคุณศุกษชัยไม่ได้ถวายแต่หลวงพ่อเสียด้วยชิแต่กลุมบุลคลที่กรรโชคทรัพย์ของโรงแรมกลับมีอพิสินธ์เหนือกฎหมายคงไม่ตอ้งบอกนะว่าเป็นบุลคลท่านใด

    ตอบลบ
  8. ขอบคุณท่านรองอธิบดี ที่ยังทรงความยุติธรรมไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดค่ะ ท่านก็คงมองการทำงานของดีเอสไอแบบงงๆว่าทำงานตำแหน่งขนาดนี้ใช้กฎหมายแบบไหน จึงสอนแบบครูสอนศิษย์เลย

    ตอบลบ
  9. เฮ้ย พวกมึงและรอง....อย่าหลงประเดนและอย่าบิดเบือนหลักกฎหมาย dsi ออกหมายเรียกธัม...มาแจ้งข้อกล่าวหา แต่มันไม่มาจึงออกหมายจับเพราะขัดหมายเรียกตาหาก และdsiรวบรวมหลักฐานแล้วว่ามันผิด ตามหลักฐานที่dsiมีอยู่ซึ่งก.ม.ก็ไม่ต้องสอบสวนต่อหน้าเหมือนการไต่สวนของศาลที่ต้องทำต่อหน้าจำเลย และหมายเรียกก็ไม่ต้องขอศาลให้ออก แต่หมายจับต้องออกโดยศาล และมีผลนับแต่วันออก จนกว่ามันจะตาย คดีอาญาจึงระงับ หรือมีหมายมายกเลิก

    ตอบลบ
  10. ดีเอสไอายเอาหัวชนฝามานจาเจ็บเองน้า

    ตอบลบ
  11. เราเชื่อท่านรองอัยการ.ที่มีอาชีพนี้โดยตรง คนอื่นอย่าอวดรู้ทั้งๆที่ไม่รู้นะครับ.

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น...