อย่าเพิ่งเชื่อ เพียงเพราะฟังตามๆกันมา คำสอนพระพุทธเจ้า
มีคนจำนวนมาก ตัดสินว่าวัดไม่ดี พระท่านไม่ดี ทั้งๆที่ ความชัดเจนของเรื่องราว ยังไม่สิ้นสุด ประดุจคนที่ยังดูหนังไม่จบแล้ว ตัดสินตัวละคร


คนเรามีตาแค่ 2 ตา มีหูแค่ 2 หู
4 เท้ายังรู้พลาด นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง
เรื่องนี้ดีที่สุด คือ รอดูไปก่อนครับ
ถ้าไม่ดีจริง เดี๋ยวก็เห็นเองครับ


ถ้าโดนใส่ร้ายขึ้นมา แล้วเราไปตัดสิน เท่ากับเราช่วยทำลายพระพุทธศาสนาไปโดยไม่รู้ตัวครับ


คำสอนพระพุทธเจ้าอยู่ในพระไตรปิฎก ชาวพุทธเราก็ไม่ค่อยได้อ่านกัน
เราก็แยกออกยากครับ ว่าอันไหนคำสอน อันไหนบิดเบือน
และที่สำคัญ

เราไม่ใช่ชาววัดพระธรรมกาย เราก็ไม่มีทางรู้ว่า
คำสอนไหนมาจากวัดพระธรรมกาย คำสอนไหนมาจากกลุ่มแอนตี้ธรรมกาย 
เราจะตกเป็นเหยื่อ เอาง่ายๆครับ


ส่วนเรื่องคดี จะจบแบบง่ายๆเลย ถ้า DSI พาหมอจาก แพทย์สภา ไปพิสูจน์ที่วัด ว่าท่าน ป่วยจริงมั้ย 



ถ้าป่วยจริง ก็ แจ้งข้อกล่าวหา คดีรับของโจร ที่วัดพระธรรมกายได้เลย ไม่จำเป็นต้อง ออกหมายเรียก มารับทราบข้อกล่าวหาที่สำนักงาน DSI





พอแจ้งข้อกล่าวหาที่วัดพระธรรมกายแล้ว 
จะถือได้ว่าเจ้าอาวาส ท่านได้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมาย 
เรื่องก็จะไปถึง อัยการ อัยการ ก็ยื่นฟ้องต่อศาล 
แล้วเดี๋ยวศาลก็จะเรียกตัดสินเองครับ

เรื่องนี้ ก็จะจบลงแบบ สันติ 


แต่ที่ มีปัญหา เพราะท่านว่า ท่านป่วย เลยออกไปรับทราบ ข้อกล่าวหา ที่ DSI ไม่ได้ครับ DSI ไม่ฟัง และไม่ไปพิสูจน์ แต่ขอออกหมายจับ และจะนำกำลังเข้าจับกุมให้ออกมาจากวัดให้ได้ เลยทำให้ ลูกศิษย์ อยู่เฉยไม่ได้ครับ













1 ความคิดเห็น:

  1. เจ้าหน้าที่รัฐทำเรื่องง่ายให้เป็นเรื่องยาก..หรือว่ามีวาระซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลัง???

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น...