อันดับที่ 5 ธรรมกาย สอนให้ทำบุญหมดตัวจริงหรือ ?

วัดพระธรรมกายสอนให้ทำบุญทำทาน ตามหลักคำพูดที่ออกจากปากของพระพุทธเจ้า ที่บันทึกในพระไตรปิฎก ที่ว่า 

"บุคคลใดให้ทานเองด้วย 
ชักชวนผู้อื่นให้ทำทานด้วย บุคคลนั้น 
ย่อมได้ทรัพย์สมบัติและบริวารสมบัติในที่ๆตนเกิดแล้ว"
(พระไตรปิฎก หมวดพระสุตตันตปิฎก 
คาถาธรรมบท เล่มที่ ๑ หน้าที่ ๒๗ )


และยังมีคำพูดที่ออกจากปากของพระพุทธเจ้า ว่า 
"บุญนั้น อำนวยผลที่น่าปรารถนาทุกอย่าง 
แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ปฏิสัมภิทา 
วิโมกข์(การบรรลุธรรม) สาวกบารมี(อรหันต์) 
พุทธภูมิ(การได้เป็นพระพุทธเจ้า) ผลที่น่าชอบใจ 
ทั้งหมดนั้น อันบุคคลย่อมได้ด้วยบุญ 
บุญสัมปทา ความถึงพร้อมด้วยบุญ 
เป็นไปเพื่อประโยชน์ใหญ่อย่างนี้"
 (พระไตรปิฎก หมวดสุตตันตปิฎก เล่ม ๑ หน้าที่ ๓๐๒) 


ต่อด้วยคำพูดพระพุทธเจ้าอีกว่า

"ดูก่อนท่านผู้เป็นภัยในวัฎฏสงสาร ท่านทั้งหลายอย่ากลัวต่อบุญเลย เพราะคำว่าบุญนี้ เป็นชื่อของความสุข"
(พระไตรปิฎก หมวดพระสุตตันตปิฎก 
เล่มที่ ๑๕ บุญญวิปากกสูตร)


จะเห็นได้ว่า คำสอนที่แท้จริงที่ออกจากปากของพระพุทธเจ้าที่มีบันทึกในพระไตรปิฎกอย่างชัดเจน บุญมีความสำคัญตั้งแต่ปุถุชนจนกระทั่งพระอรหันต์


วัดพระธรรมกายสอนทำบุญ ซึ่งสิ่งที่ทำแล้วได้บุญ มี 10 อย่าง แต่กล่าวโดยย่อได้ 3 อย่าง คือ การทำทาน รักษาศีล เจริญสมาธิภาวนา การทำทาน เป็นการลดกิเลสความโลภ และมีอานิสงค์ คือ การเจริญรุ่งเรืองในทรัพย์ การรักษาศีล เป็นการลดกิเลส ความโกรธ และมีอานิสงค์ คือ จะได้เกิดเป็นมนุษย์ ที่มีอายุยืน แข็งแรง ครบ 32 ประการ ผิวพรรณหน้าตาสมบูรณ์ การเจริญภาวนา เป็นการลดกิเลส ความหลง และมีอานิสงค์ คือ จะเป็นผู้มีปัญญา 
ฉลาดทั้งทางโลกและทางธรรม ได้บรรลุธรรม 


ดังนั้น เราต้องทำทั้งทาน ศีล และภาวนา ให้ครบถ้วน ไปทุกภพทุกชาติ ก็จะเจริญรุ่งเรือง ทั้งทางโลกและทางธรรม 
เมื่อบุญบารมีเต็มเปี่ยม ก็จะได้บรรลุธรรม เป็นพระอรหันต์ 
เข้าสู่นิพพาน 


วัดพระธรรมกาย ไม่เคยสอน ให้ปิดบัญชีทางโลก แต่เคยได้ยินลูกศิษย์ บางคน ที่อยากจะสละทรัพย์ 
เพื่อประโยชน์พระศาสนา  ส่วนรวม ในการสร้างคนให้เป็นคนดี อยากจะเสียสละตัวเอง เงินเก็บมานานเลยปิดบัญชี 
ไม่เคยได้ยินหลวงพ่อ พูดให้ทำบุญจนหมดตัว 
แม้แต่ครั้งเดียว ได้ยินแต่คน นอกวัดพูดว่า เขาบอก
หลวงพ่อ จะสอนว่า ทำทานได้ 
บุญมากน้อย อยู่ที่ “ใจ” เป็นสำคัญที่สุด คือ ใจต้องปลื้ม ใจต้องใส อย่างนี้จะได้บุญอย่างเต็มที่ สำคัญกว่า จำนวนเงิน




ชาวพุทธบางคน แสลงคำว่ารวย โดยที่ไม่รู้ว่าพระพุทธเจ้าให้ทางเลือกไว้ว่าใครจะละทิ้งสมบัติ ออกบวช ไปนิพพานเลยก็ได้หรือใครจะอยู่ทางโลก เจริญรุ่งเรืองด้วยทรัพย์และสนับสนุนพระศาสนาและสังคมก็ได้ แม้ไม่หมดกิเลสแต่ก็เป็นพระโสดาบันได้ 


ชาวพุทธมีสิทธิ์เลือกได้พระพุทธเจ้าไม่ได้บังคับว่าคนทุกคน 
จะต้องทิ้งสมบัติบวชเป็นพระอรหันต์กันหมดทุกคน
 คุณสามารถอยู่ร่ำรวยทั้งโลก ถือศีลปฏิบัติธรรม 
ค้ำจุนพุทธศาสนาก็สามารถบรรลุธรรมเป็นพระโสดาบันได้ 
ดังนั้น พระพุทธเจ้าสอนให้มีทรัพย์มาก

"บุคคลใดให้ทานเองด้วย 
ชักชวนผู้อื่นให้ทำทานด้วย บุคคลนั้น 
ย่อมได้ทรัพย์สมบัติและบริวารสมบัติในที่ๆตนเกิดแล้ว"

(พระไตรปิฎก หมวดพระสุตันตปิฎก ขุททกนิกาย 
คาถาธรรมบท เล่ม ๑ ภาค๒ ตอน๓ หน้าที่๒๗)


ความร่ำรวยไม่ใช่ความชั่ว และคนรวยไม่จำเป็นต้องยึดติดในทรัพย์ ไม่อย่างนั้นคงไม่มีพระอรหันต์ที่เป็นเลิศทางด้านโชคลาภ
นามว่า พระสีวลี พระพุทธเจ้าสอนให้เราชาวพุทธเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกและทางธรรม คือโลกียทรัพย์และอริยทรัพย์ครับ




<<<VDO กดเล่นได้>>>


<<<VDO กดเล่นได้>>>



<<<VDO กดเล่นได้>>>



<<<VDO กดเล่นได้>>>

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น...